บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

วิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไก/แยกส่วน/ลดทอน


วิทยาศาสตร์ตะวันตก

วิทยาศาสตร์ตะวันตกแยกตัวออกมาจากปรัชญาตะวันตก โดยปกติแล้วนักวิชาการเห็นว่า วิทยาศาสตร์ตะวันตกเริ่มถือกำเนิดตั้งแต่ยุคของ ฟรานซิส เบคอน นักปราชญ์ชาวอังกฤษ เพราะ ฟรานซิส เบคอนเป็นผู้เสนอแบบแผนวิทยาศาสตร์แบบใหม่ ซึ่งแตกต่างไปจากวิทยาศาสตร์สมัยกรีก

ในสมัยกรีกนั้น นักปรัชญา นักวิทยาศาสตร์มักจะเป็นบุคคลเดียวกัน เช่น อริสโตเติล เป็นต้น ในการศึกษาวิทยาศาสตร์ก็จะใช้วิธีศึกษาตามหลักเหตุผลของตรรกวิทยา  โดยไม่มีการสังเกตหรือทดลอง เช่น วิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบัน

ตั้งแต่มีวิทยาศาสตร์แบบใหม่เป็นต้นมา มีวิวัฒนาการที่น่าสนใจดังนี้
- ค.ศ. 1620 ฟรานซิส เบคอน นักปราชญ์ชาวอังกฤษ เสนอแบบแผนวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
- ค.ศ. 1638 กาลิเลโอ กาลิเลอี นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาเลียน เป็นคนแรกที่ใช้กล้องโทรทรรศน์ คิดค้นวิชากลศาสตร์ (ว่าด้วยเรื่องของแรงและการเคลื่อนที่)
- ค.ศ. 1665 ไอแซก นิวตัน นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ตั้งกฎการเคลื่อนที่และแรงโน้มถ่วงของโลก
- ค.ศ. 1776 เฮนรี คาเวนดิช นักเคมีชาวอังกฤษค้นพบ ไฮโดรเจน
- ค.ศ. 1803 จอห์น ดาลตัน ชาวอังกฤษ เสนอทฤษฎีอะตอมยุคใหม่
- ค.ศ. 1831 ไมเคิล ฟาราเดย์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ และโจเซฟ เฮนรี นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ค้นพบวิธีใช้คุณสมบัติของแม่เหล็กผลิตกระแสไฟฟ้า
- ค.ศ. 1843 เจมส์ จูล นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างความร้อน กำลัง และงาน
- ค.ศ. 1888 ไฮน์ริช เฮิรตซ์ นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน พบว่าคลื่นส่งวิทยุมีอยู่ในธรรมชาติ
- ค.ศ. 1894 กูกลิเอลโม มาร์โคนี นักประดิษฐ์ชาวอิตาเลียน สื่อสารทางวิทยุสำเร็จเป็นครั้งแรก
- ค.ศ. 1895 วิลเฮลม์ เรินต์แกน นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ค้นพบรังสีเอกซ์
- ค.ศ. 1896 อองตวน อองรี เบกเคอเรล นักฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศส ค้นพบผลของกัมมันตภาพ รังสี
- ค.ศ. 1897 โจเซฟ จอห์น ทอมป์สัน นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ ค้นพบอิเล็กตรอน
- ค.ศ. 1898 มารี กูรี และ ปิแอร์ กูรี นักเคมีชาวโปแลนด์-ฝรั่งเศส แยกธาตุเรเดียม และพอโลเนียม
- ค.ศ. 1900 แมกซ์ พลังค์ นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน เสนอกลศาสตร์ควอนตัม
- ค.ศ. 1905 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ตีพิมพ์ทฤษฎีสัมพัทธภาพ
- ค.ศ. 1911 รัทเทอร์ฟอร์ด เออร์เนสต์ นักฟิสิกส์ชาวนิวซีแลนด์ค้นพบนิวเคลียสของอะตอม
- ค.ศ. 1931 เอิร์นสต์ รัสกา นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน
- ค.ศ. 1932 แชดวิก เจมส์ นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษค้นพบนิวตรอน
- ค.ศ. 1938 ออตโต ฮาน นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันและไลซ์ ไมเนอร์ นักฟิสิกส์ชาวออสเตรีย ค้นพบการแยกของปรมาณู
- ค.ศ. 1939 พอลิง ไลนัส นักเคมีชาวอเมริกันอธิบายถึงพันธะทางเคมีระหว่างอะตอมและโมเลกุล
- ค.ศ. 1964 เมอร์เรย์ เกลล์มานน์ นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน เสนอว่า ควาร์ก ซึ่งเป็นอนุภาคที่เล็กที่สุดในสสารมีจริง
- ค.ศ. 1990 การค้นพบโดยดาวเทียมของคลื่นของการแพร่รังสีได้สนับสนุนทฤษฎีบิก แบงซึ่งว่าด้วยการกำเนิดจักรวาลและการขยายตัวของจักรวาล

จากวิวัฒนาการของวิทยาศาสตร์ดังกล่าว  นักวิชาการในปัจจุบันแบ่งยุคของวิทยาศาสตร์ออกเป็น 2 ยุคคือ วิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไก/แยกส่วน/ลดทอนของนิวตัน กาลิเลโอ และเดส์คารต์กับฟิสิกส์ใหม่

ซึ่งควรจะเริ่มนับตั้งแต่แมกซ์ พลังค์ เสนอกลศาสตร์ควอนตัมเมื่อประมาณ ค.ศ. 1900 แต่นักวิชาการส่วนใหญ่จะเริ่มนับตั้งแต่เริ่มการเผยแพร่ทฤษฎีสัมพัทธภาพ (Relative theory) ของไอน์สไตน์ (Einstein) เมื่อประมาณ ค.ศ. 1905 เป็นต้นมา

วิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไก/แยกส่วน/ลดทอน
วิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไก/แยกส่วน/ลดทอนนี้เห็นว่า จักรวาลเป็นเสมือนเครื่องจักรกลชิ้นหนึ่ง ที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนอุปกรณ์จำนวนมาก เมื่อจะศึกษาสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ต้องแยกศึกษาเป็นส่วนๆ ไป เช่นเดียวกับการศึกษาเครื่องจักร

การที่ศึกษาสิ่งใดโดยแยกเป็นส่วนๆ นั้นเป็นการลดทอนสิ่งที่ศึกษาให้เล็กลงไป ดังนั้น วิทยาศาสตร์แบบนี้ จึงมีชื่อเรียกดังกล่าวว่าวิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไก/แยกส่วน/ลดทอน

ข้อบกพร่องของการศึกษาธรรมชาติด้วยวิธีการดังกล่าวก็คือ ทำให้ไม่ได้พบความจริงในภาพรวมทั้งหมด พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ วิธีการดังกล่าวนั้น ทำให้ค้นพบความจริงที่คับแคบหรือน้อยกว่าความจริงที่เป็นธรรมชาติของสิ่งที่ ศึกษา

ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาร่างกายของมนุษย์ เมื่อแยกศึกษาออกไปส่วนๆ ไป ก็ไม่สามารถเข้าใจมนุษย์ในด้านพฤติกรรมของมนุษย์ในด้านต่างๆ ได้ เป็นต้น 

ปัจจุบันจึงมีการเน้นการศึกษาที่เป็นแบบองค์รวมมากยิ่งขึ้น

ยุคก่อนหน้าของวิทยาศาสตร์แบบใหม่ ซึ่งปัจจุบันถือว่า เป็นวิทยาศาสตร์เก่าไปแล้วนั้น องค์ความรู้ในทางตะวันตกจะได้มาจากศาสนาคริสต์ ซึ่งพระของศาสนาคริสต์ทำตัวเป็นเผด็จการ คำสอนของวิทยาศาสตร์ที่ไม่ถูกต้องกับหลักการทางศาสนาจะต้องถูกกำจัดออกไป นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากจึงถูกพระเหล่านี้จัดการ

นักวิทยาศาสตร์บางท่านก็เป็นพระด้วยกัน  ยังถูกพระผู้ใหญ่สั่งให้เผาไฟตายไปก็มี

กาลิเลโอเองก็ถูกบังคับให้จำกัดบริเวณ และห้ามเผยแพร่ความรู้อย่างเด็ดขาด สำนักวาติกันเพิ่งมีหนังสือออกขอมาขอโทษเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง

ความแม่นยำในความรู้ของวิทยาศาสตร์เก่าดังกล่าวได้สร้างเทคโนโลยี (Technology) ให้กับโลกอย่างมากมายมหาศาล มนุษย์จึงสามารถสร้างวัตถุอุปกรณ์มาสนองความต้องการจนโลกมนุษย์ มีความเจริญก้าวหน้าและความสะดวกสบายมาจนจึงปัจจุบัน

การที่วิทยาศาสตร์สามารถทำให้โลกมนุษย์ มีความเจริญก้าวหน้าและสะดวกสบาย และองค์ความรู้ของวิทยาศาสตร์สามารถอธิบายให้ผู้อื่นรู้และเข้าใจได้อย่าง เป็นวิทยาศาสตร์ และได้รับความนิยมมากขึ้น จนกระทั่งเข้าใจผิดกันไปว่า เป็นองค์ความรู้เดียวของโลกที่ค้นพบความเป็นจริง (reality) ได้

ทุกๆ องค์ความรู้ต่างก็สยบยอมวิทยาศาสตร์ไปเสียสิ้น  แม้กระทั่งคณิตศาสตร์เอง  ทั้งๆ ที่คณิตศาสตร์เกิดก่อนวิทยาศาสตร์นับเป็นร้อยๆ ปี

ที่น่าแปลกใจเป็นที่สุดก็คือ  ศาสนาคริสต์ก็ต้องกลับลำ หันมายอมรับวิทยาศาสตร์ นักวิชาการทางศาสนาคริสต์ถึงกับตีความคัมภีร์ไบเบิลใหม่ให้สอดคล้องกับองค์ ความรู้ของวิทยาศาสตร์เลยทีเดียว  ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวก็เกิดกับศาสนาอิสลาม  รวมถึงศาสนาพุทธด้วยดังจะได้กล่าวต่อไปข้างหน้า

เมื่อรบกับศาสนาคริสต์และได้รับชัยชนะอันสมบูรณ์เด็ดขาด จนได้รับอำนาจในทางวิชาการมาเช่นนั้น วิทยาศาสตร์เก่าจึงมีความเข้าใจผิดไปว่า วิธีหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ (Scientific method) เป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะหาความจริง (truth) ที่ตรงกับความจริงแท้ (Reality) ได้แล้ว

ความหลงผิดดังกล่าวเลยเถิดไปถึงว่า องค์ความรู้อื่นๆ ที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถหาความจริง (truth) ได้ คือ องค์ความรู้อื่นๆ ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด วิทยาศาสตร์คือความจริงแต่เพียงประการเดียว

ดังนั้น ในยุคที่วิทยาศาสตร์เก่ากำลังโด่งดังและได้รับความนิยม องค์ความรู้ทางศาสนา ไสยศาสตร์ นิทาน ความเชื่อ ฯลฯ ต่างๆ ต่างก็ถูกตราหน้าให้เป็น ความไม่จริงทั้งสิ้น

กระแสความเชื่อและความ นิยมอันเชี่ยวกรากของวิทยาศาสตร์ดังกล่าว นักวิชาการใน ทางศาสนาทุกศาสนาจึงต้องมีการปรับตัวปรับกลยุทธ์เสียใหม่  การที่จะไปเปลี่ยนแปลงพระคัมภีร์หรือพระไตรปิฎก มันเป็นสิ่งที่กระทำได้ยากหรือกระทำไม่ได้เลย  นักวิชาการของศาสนาจึงหาวิธีที่ง่ายกว่านั้น คือ การตีความเนื้อหาของคัมภีร์ใหม่ให้กับเข้าความเชื่อของตน

ทุกศาสนาที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน จึงมีความพยายามที่จะตีความศาสนาของตนให้เข้ากับวิทยาศาสตร์ให้ได้ รวมถึงศาสนาพุทธด้วย

พุทธวิชาการจึงตีความพระไตรปิฎกแบบใหม่ ซึ่งส่งผลให้ศาสนาพุทธในมุมมองของพุทธวิชาการผิดเพี้ยนไปจากความจริงอย่างมาก

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือ พุทธวิชาการกลับมีโมหคติคิดว่า การตีความของตนเองถูกต้อง องค์ความรู้ของศาสนาพุทธดั้งเดิมเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

อย่างไรก็ดี หลักการของศาสนาพุทธที่ว่า อนิจจัง/ทุกขัง/อนัตตาเป็นสิ่งที่แน่นอนและเป็นจริง ความอหังการ์ของวิทยาศาสตร์เก่าจึงลดลง เมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาฟิสิกส์ใหม่ขึ้นมา แทนองค์ความรู้ของวิทยาศาสตร์เก่าไม่ใช่เป็นความจริงมากกว่าสิ่งอื่น แต่เป็นความจริงเฉพาะที่เท่านั้น...

บทความในชุดเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น